เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทางโรงเรียนแห่งนี้กำลังจะมีกิจกรรมกีฬาสี ขณะที่นักเรียนคณะกรรมการสีต่างๆ ก็เริ่มทำงานเตรียมอุปกรณ์ ซ้อมร้องเพลงเชียร์จนดึกอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์นาฏศิลป และเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะสีฟ้า จึงเปิดห้องอนุญาตให้นักเรียนคณะกรรมการสีฟ้าขึ้นมาใช้ห้องนาฏศิลปในการเตรียมงาน เพราะด้านล่างทั้งมืด อีกทั้งยุงเยอะ
ระหว่างที่นักเรียนกำลังเตรียมงานตัดกระดาษแปรอักษร ซ้อมการแสดงอยู่นั้น อาจารย์ก็ได้ขอตัวไปทำงานที่ห้องพักครู ซึ่งอยู่ถัดไปอีกห้องหนึ่ง เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที หูอาจารย์เริ่มได้ยินเสียงเพลงนาฏศิลปดังขึ้นมา แต่ก็ไม่เอ๊ะใจอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นหนึ่งในเพลงการแสดงที่นักเรียนซ้อมกัน
ยิ่งนานเพลงนาฏศิลปยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนอาจารย์เห็นว่าอาจจะดังเกินไปจนรบกวนอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่ทำงานอยู่ จึงตัดสินใจเดินย้อนกลับไปที่ห้องนาฏศิลปเพื่อไปตักเตือนนักเรียนให้เบาเสียงเพลง แต่ทันทีที่อาจารย์เดินไปถึงห้องนาฏศิลป กลับพบว่า…
ห้องนาฏศิลป ได้ถูกปิดประตู ปิดไฟไปเรียบร้อยไปแล้ว ขณะที่เพลงก็ยังดังออกมาอยู่เรื่อยๆ จนอาจารย์เริ่มสงสัยว่านักเรียนคณะกรรมการสี ที่มาเตรียมงานนั้นได้กลับไปหรือยัง จึงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิด ขณะที่เสียงเพลงก็บรรเลงออกมาเรื่อยๆ วินาทีนั้นอาจารย์จึงตัดสินใจก้มลงมองตรงช่องลมข้างประตู ซึ่งหากมองลอดไปก็จะเห็นทุกอย่างภายในห้อง !!!
ทันทีที่อาจารย์มองไปในห้อง สิ่งที่เห็นก็คือ นางรำคนหนึ่งแต่งชุดนางรำสีแดงเต็มยศ กำลังร่ายรำวิ่งวนรอบห้อง วนไป วนมา ตามท่าทางการร่ายรำที่สวยงามมากๆ ขณะที่อาจารย์ก็เพ่งสายตาไปที่ใบหน้าของนางรำคนนั้นว่าเป็นใคร ซึ่งก็ทำให้อาจารย์แทบหมดลมหายใจ เพราะนางรำที่ว่านั้น มีใบหน้าเดียวกับตัวอาจารย์เอง !!!
อาจารย์ทั้งวิ่ง ทั้งร้องไห้ ลงมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว เพราะในใจคิดแล้วว่าต้องเจอดีแน่ๆ และกลัวในสิ่งที่สายตาตัวเองเห็น ว่าทำไมนางรำจึงมีใบหน้าเหมือนกับตน อาจารย์รีบวิ่งไปไหว้ขอขมาที่ศาลพระภูมิของโรงเรียน และรีบกลับบ้านทันที
พอรุ่งเช้า ในคาบกิจกรรมคณะสี เหล่านักเรียนคณะกรรมการสีฟ้าที่ขึ้นไปใช้ห้องนาฏศิลป์ ต่างวิ่งกรูมาหาอาจารย์ พร้อมบอกเล่าเหตุการณ์ที่น่ากลัวเมื่อคืนให้ฟังว่า ระหว่างที่กำลังนั่งคุยงานในห้องนั้น อยู่ๆ พื้นก็สะเทือนราวกับว่ามีคนกำลังเดินวนอยู่ในห้อง ทั้งๆ ที่ทุกคนนั่งคุยอยู่ ไม่มีคนเดินออกไปไหนแม้แต่คนเดียว และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดจนต้องวิ่งออกจากห้องโดยไม่บอกกล่าวอาจารย์นั้นก็คือ เสียงเพลงนางรำที่ดังขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ !!
หลังจากวันนั้น นักเรียนคณะกรรมการสีฟ้าก็ไม่ขึ้นไปใช้ห้องนาฏศิลปนั้นอีกเลย ขณะที่อาจารย์ท่านดังกล่าว หลังจากวันนั้นก็ถือศีลกินเจมาตลอดอย่างไม่มีสาเหตุ จนเป็นที่สงสัยต่อเพื่อนอาจารย์ และนักเรียนคณะกรรมการรุ่นนั้นเป็นอย่างมาก ว่าห้องนั้นมีอะไรเกิดขึ้น !!